วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

ชาวนบพิตำกว่า 200 คนประท้วงตกสำรวจผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ชาวนบพิตำกว่า 200 คน ชุมนุมรวมตัวเรียกร้องตกสำรวจจากผู้เดือดร้อนน้ำท่วม เพราะมีผู้นำชุมชนบางคนกลั่นแกล้ง เผยไปแจ้ง อบต.ถูกปฏิเสธว่าผู้แจ้งเต็ม ขณะทางจังหวัดยันไม่เต็ม

วันที่ 27 เม.ย.54 ที่บริเวณศาลาประชาคมอำเภอนบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 12.00 น. กลุ่มชาวบ้านจาก ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นครศรีธรรมราช ประมาณกว่า 200 มีมารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมกรณีมีชาวบ้านพื้นที่ ม.2 ตกสำรวจกว่า 200 ครัวเรือน โดยพื้นที่ ม.2 ต.นบพิตำ อ.นบพิตำ นั้นมีประชาชนอาศัยอยู่จำนวน 320 ครัวเรือน ซึ่งทุกครัวเรือนเดือดร้อนจากสภาวะน้ำท่วมอย่างหนักหนาสาหัส แต่ปราฏกว่าทาง อบต.นบพิตำ สำรวจความเดือดร้อนให้กับพวกพ้องเพียง 40 ครัวเท่านั้น ทั้งๆ ที่จริงเดือดร้อนเหมือนกันหมด เมื่อชาวบ้านไปขอลงทะเบียนที่ อบต.ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่รับแจ้งเพราะมาแจ้งไว้เต็มแล้ว ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร เจ้าหน้าที่ อบต.ปิดหูปิดตาไม่รับแจ้งถึงความเดือดร้อนของประชาชน

โดยชาวบ้านรายหนึ่ง ไม่ประสงค์จะออกนามกล่าวว่า ตนเองเดือดร้อนอย่างหนักเพราะไม่มีเงิน สวนยางก็ถูกน้ำพัดเสียหายเกือบทั้งสวน ที่เหลือไม่สามารถกรีดได้ ขณะที่การช่วยเหลือก็ไม่ทั่วถึง ชาวบ้านในหมู่บ้าน ม.2 ต.นบพิตำ เดือดร้อนกันทั้งหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือเพียง 40 ครัวเรือน ที่เหลือตกสำรวจ และมีการไปสอบถามทางจังหวัดก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีคำว่าเต็มสำหรับผู้เดือดร้อนจากน้ำท่วมในครั้งนี้ หมู่บ้านไหนเต็มก็เท่ากับว่าทุกครัวเรือนมาแจ้งไว้ครบแล้ว ชาวบ้านจึงมารวมตัวกันเพื่อสอบถามถึงความโปร่งใสในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทั้งระดับ อบต.รวมไปถึงอำเภอนบพิตำด้วย หรือเพียงแต่จะช่วยเหลือเพียงญาติพี่น้องหรือพวกพ้องเท่านั้น ตรงนี้ขอให้ทางจังหวัดหรืออำเภอช่วยชี้แจงให้ชาวบ้านทราบด้วย

ขณะที่นางปราณี พรหมจรรย์ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/1 ม.6 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช ว่า บ้านของตนซึ่งตั้งอยู่ริมคลองกลาย ได้ถูกกระแสน้ำป่าและดินโคลนถล่มพัดบ้านของตนพังเสียหายหมดไปทั้งหลัง แต่ปรากฏว่าบ้านของตนได้ตกสำรวจไป เพราะมีผู้นำชุมชนบางคนกลั่นแกล้งตนไม่ยอมสำรวจให้บ้านตนได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วย ทั้งๆที่บ้านพักของตนตั้งอยู่ริมคลองกลายและบ้านถูกน้ำป่าพัดพังเสียหายไปทั้งบ้านและที่ดินจนบ้านกลายเป็นคลองไปแล้วชัดเจน

ทำให้ตนและครอบครัวของตนต้องทำให้ขาดโอกาสที่จะได้รับการช่วยเหลือจากทางรัฐบาล แม้แต่ถุงยังชีพก็ไม่เคยได้รับเลยเคยเดินทางไปรับแจกถุงยังชีพก็ถูกไล่กลับมา ทั้งๆที่บ้านตนเดือดร้อนจริงๆ เงินสักบาทก็ไม่ได้เคยได้รับอย่าว่าแต่เงินช่วยเหลือ 5,000บาท จากรัฐบาลเลย เพราะทางผู้นำท้องถิ่นบางคนเอาเรื่องการเมืองมาเกี่ยวข้อง เห็นว่าตนเป็นฝ่ายตรงข้ามเลยกลั่นแกล้งให้บ้านของตนตกสำรวจไปอย่างน่าเสียดาย พร้อมกับชาวบ้านอีกหลายสิบครัวเรือนในหมู่บ้านตนก็สำรวจไปด้วยอยากให้ทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชลงมาตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ซึ่งหลังจากนางปราณีกล่าวกับผู้สื่อข่าวแล้ว ได้พาผู้สื่อข่าวไปชี้จุดเดิมของบ้านและที่ดินที่ถูกน้ำป่าพัดพังหายไปกับคลองกลายจนไม่เหลือซากเพราะกลายเป็นลำคลองหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังมีชาวบ้านมารวมกันชุมนุมร้องเรียนจำนวนมาก ทางอำเภอนบพิตำก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่มารับทราบความประสงค์ และทำการรับลงรายชื่อผู้เดือดร้อนในครั้งนี้ทุกคน เพื่อจะได้เข้าทำการสำรวจข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง พร้อมจะนำเรื่องนี้เสนอไปยังทางจังหวัดรับทราบในการหาทางช่วยเหลือต่อไป หลังจากนั้นชาวบ้านก็ได้แยกย้ายกันกลับในที่สุด

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: