วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

จับสารวัตรกำนันคนดังพร้อมสาวคู่ขาค้ายานรกคาด่านตรวจ -อีกรายล่อซื้อแค่ 5 เม็ดตามรวบยึดอีก 5 พันเม็ด

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นครศรีธรรมราช ตั้งด่านตรวจ สามารถจับกุม สารวัตรกำนัน พร้อมเพื่อนสาวขณะขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปส่งยาบ้า สามารถยึดของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ขณะที่ ตร.ชะอวด ล่อซื่อยาบ้าจากเอเยนต์ ขยายผลยึดได้อีก 5,000 เม็ด ขณะที่ ตร.ทางหลวงนครศรีฯ รวบนักบินยาบ้าตระเวนส่งยาตามริมทาง จุดสุดท้ายใกล้เรือนจำ พร้อมยาบ้า 1 หมื่นเม็ด
      
       วันที่ 8 ก.ย.54 พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไฝจู ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.นิรัตน์ เทพเดชา สวป.สภ.เมือง พร้อมด้วยอาสาสมัครเข้าทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัดบริเวณ ถนนกะโรม ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ได้สังเกตเห็นชายหญิงคู่หนึ่งขับรถจักรยานยนต์มุ่งหน้ามาทางด่าน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้เลี้ยวรถกลับทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ดักรออยู่ในเส้นทางกลับรถนั้นดักรออยู่แล้วจึงเรียกให้หยุดแล้วทำการตรวจค้นพบว่า โดยบุคคลที่ขับขี่พยายามแจ้งว่าเป็นสารวัตรกำนันแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สนใจเมื่อค้นแล้วจึงพบยาบ้าจำนวน 1,000 เม็ดห่อกระดาษไว้อย่างแน่นหนาก่อนจะใส่ถุงพลาสติกวางไว้ในตะกร้าหน้ารถจักรยานยนต์ โดยมีหมวกกันน็อควางปิดทับเอาไว้
      
       เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวไว้ทั้งคู่ทันที ทราบชื่อต่อมาคือนายสมควร ทั่งสุวรรณ อายุ 43 ปี เป็นสารวัตรกำนัน ต.นากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 5 ต.นากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช อีกคนคือน.ส.นภาพร น้อยเปลี่ยน อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 129/1 หมู่ 2 ต.วังขนาย อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ส่วนในกระเป๋าถือของ น.ส.นภาพร ยังพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีก 3,000 เม็ด รวมยาบ้าของกลาง 4,000 เม็ด นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์การเสพยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้าของ น.ส.นภาพร 1 ชุด สมุดบัญชีธนาคารมีเงินหมุนเวียนนับล้านบาท สมุดรายชื่อลูกค้า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อซูซูกิ สแมสซ์ สีขาว ทะเบียน คนข 403 นครศรีธรรมราช ไว้เป็นของกลางในคดี
      
       นายสมควร ยอมรับสารภาพว่า ตัวเองเป็นสารวัตรกำนัน ต.นากะชะ อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ส่วนนางนภาพร เดิมเป็นคน อ.ฉวาง แต่ได้ย้ายไปอยู่ จ.กาญจนบุรี โดยรู้จักและมีความสัมพันธ์กับตนเองอย่างลึกซึ้ง เพิ่งกลับมาอยู่ จ.นครศรีธรรมราชได้ไม่นาน และได้ร่วมกันค้ายาเสพติด ก่อนเกิดเหตุ น.ส.นภาพร ได้มาเปิดห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช โดยได้นัดให้นายดอน ไม่ทราบนามสกุล เอเยนต์ยาบ้าจาก อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ให้นำยาบ้ามาส่งให้ น.ส.นภาพร ในห้องพัก
      
       หลังจากนั้นตน จึงขับรถจักรยานยนต์ไปรับ น.ส.นภาพร ที่ห้องพัก เพื่อนำยาบ้าไปส่งให้นายชีพ ไม่ทราบนามสกุล ลูกค้าที่บริเวณสี่แยกเบญจมราชูทิศ แต่ดวงซวยเมื่อขับรถมาเจอด่านตรวจของเจ้าหน้าที่จึงพยายามจะเลี้ยวรถจักรยานยนต์กลับ เพื่อขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังดักตลบหลังเอาไว้ จึงถูกจับกุมดังกล่าว
      
       ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นายสุเทพ แก้วประดิษฐ์ ปลัดอำเภอชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ทำหน้าที่ หน.ฉก.ศรีวิชัย ของ ผวจ.นครศรีธรรมราช ได้สืบทราบว่านายเกียรติศักดิ์ หรือเอ็ม พุ่มแก้ว อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21/1 ม.9 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายยาบ้าให้กับวัยรุ่นในพื้นที่มานานแล้ว จึงร่วมกับ พ.ต.ต.ธศรุต เพิ่มพารารักษ์ สว.กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 ,พ.ต.ต.กฤษณะ หยาดคำ หน.ชปส.ภ.8 สนธิกำลังร่วมกันของ จนท.อส.ชุด ฉก.ศรีวิชัย ของ ผวจ.นครศรีธรรมราชและ ตำรวจ กก.สส.ภาค 8 วางแผนทำการล่อซื้อยาบ้าจำนวน 5 เม็ด ราคา 1,500 บาท
      
       และนัดทำการส่งของกันที่บริเวณบ้านเลขที่ 21/1 ม.9 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และเมื่อถึงเวลานัดหมายนายเกียรติศักดิ์ ได้นำยาบ้าจำนวน 5 เม็ด มาส่งมอบให้กับสายลับของ จนท.ชุดดังกล่าว และเมื่อส่งมอบยาบ้าและเงินที่ใช้ในการล่อซื้อ นายสุเทพ และพ.ต.ต.ธศรุต และกำลัง จนท.ที่ดักซุ่มอยู่ได้ออกแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าทำการจับกุมตัวนายเกียรติศักดิ์ พร้อมของกลางยาบ้า 5 เม็ด จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพัก พบยาบ้าเพิ่มอีก 10 เม็ด, เงินสด 2,250 บาท, อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ชนิดไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอกพร้อมกระสุน 5 นัด, กระสุนปืนลูกซอง 2นัด, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง 2 ซิมยี่ห้อไอโมบายซึ่งซุกซ่อนใต้หมอนในห้องนอน
      
       ปรากฏว่าในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวทำการตรวจค้นในบ้านของนายเอ็มอยู่นั้น ได้มีชายคนหนึ่งขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน ฎถ 1861 กทม. มาจอดหน้าบ้าน และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ชายคนขับแสดงอาการพิรุธพยายามจะขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 105 เม็ดอยู่ในกระเป๋าคาดเอวของคนขับและพบเงินสด 1,970 บาท และพบกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 2นัด วางอยู่ในช่องเก็บของหน้ารถ จึงทำการจับกุมตัวชายคนขับรถไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
      
       สอบสวนทราบผู้ต้องหาชื่อนายฤทธา พลบาล อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 70/1 ม.3 ต.ไชยมนตรี อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ได้ร่วมกับนายเอ็มหรือ นายเกียรติศักดิ์ ค้ายาบ้าในพื้นที่จริง ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผลการจับกุมนายฤทธา พลบาล ทราบว่าซื้อยาบ้ามาจากนางสาวมาลา พุ่มนุ่ย อายุ 44 ปีและนายมนตรีหรือแมน พรประเสริฐ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104/8 ซอยป้อมเพชร ถนนศรีธรรมโศก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
      
       เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจค้นที่บ้านพักของ น.ส.มาลา และนายมนตรี ที่บ้านเลขที่ดังกล่าวพบยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 2,996 เม็ด, สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารต่างๆอีกจำนวน 4 เล่มมีเงินหมุนเวียนนับล้านบาท, เงินสด 1,490 บาท จึงทำการจับกุมตัว น.ส.มาลาและนายมนตรี พร้อมยาบ้าของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
      
       และเมื่อเวลา 10.00 น. ที่สถานีตำรวจทางหลวง อำเภอทุ่งสง นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.ธรรมปพน ชาวกำแพง สว.ส.ทล.4 กก.7 บก.ทล.อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าจำนวน 10,000 เม็ด ทั้งนี้เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น ของวันนี้ ตำรวจทางหลวงกำลังตั้งจุดสกัด บริเวณถนน อำเภอร่อนพิบูลย์
      
       ขณะนั้นสังเกตรถยนต์คันหนึ่งมีพฤกรรมน่าสังสงสัย จึงประสานทางวิทยุ พร้อมทั้งออกติดตามไล่ล่า บนถนนสาย 41 ระหว่าง อ.ทุ่งสง อ.ร่อนพิบูลย์ อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่สามารถสกัดรถยนต์คนดังกล่าวได้ บริเวณสามแยกสวนผัก อ.ร่อนพิบูลย์ เป็นรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน บท 4948 ภูเก็ต คนขับชื่อ นายศักดิ์ชัย ดวงไสย อายุ 25 ปี ที่อยู่ 36 หมู่ที่ 5 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช
      
       เจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในรถยนต์ หลังเบาะนั่งคนขับ พบมียาบ้าชนิดสีส้ม บรรจุ กล่องคอฟฟี่เมท จำนวน 10,000 เม็ด และอุปกรณ์การเสพ จำนวนหนึ่ง จึงนำตัวมาสอบสวน ซึ่งผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า มีเอเย่นต์ยาบ้ารายหนึ่ง โทรให้ไปรับยาบ้าที่วางไว้ข้าง หลักกิโล บริเวณบ้านสวนเลา อ.ร่อนพิบูลย์ โดยไม่ทราบว่าใครมาวางไว้ จากนั้นจึงไปรับแล้ว มีคำสั่งต่อทางโทรศัพท์ว่าให้นำยาบ้าดังกล่าวไปวางไว้ที่ หลักกิโลบริเวณบ้านนาพรุ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ ปากทางเข้าเรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช อ.พระพรหม แล้วจะมีคนมารับไปอีกที
      
       โดยไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะคุยกันผ่านโทรศัพท์ เท่านั้น และเคยทำอย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ในครั้งนี้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่ายาบ้าดังกล่าวน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายในเรือนจำนั่นเอง
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: