กกต.ยังไม่รับรองผล “เชาวนวัศน์” ว่าที่นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เจ้าตัวประกาศเตรียมปรับปรุงภูมิทัศน์เมือง-ฟื้นเขตเมืองโบราณ ขณะที่ล่าสุดมีคนแจ้งพบบัตรเลือกตั้งที่ไม่ได้ใช้อื้ออยู่ที่ร้านรับซื้อของเก่า
วันที่ 10 ก.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช และสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งผลปรากฏว่า ผศ.เชาวนวัศน์ เสนพงศ์ พี่ชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ สามารถเอาชนะทีมบริหารชุดเดิมของ นายสมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่ได้หมดวาระลงและส่งต่อให้ ดร.กณพ เกตุชาติ บุตรชายลงสมัคร โดยการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (10 ก.ค.) ผ่านไปกว่า 10 วันแล้ว กกต.กลางยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในสนามแห่งนี้อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ยังไม่มีการประชุมสภา เพื่อแถลงนโยบายการบริหารของนายกเทศมนตรีได้ ทำให้กระบวนการบริหารยังไม่เกิดขึ้นและสมบูรณ์ตามข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผศ.เชาวนวัศน์ เสนพงศ์ ว่าที่นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า คะแนนที่ได้รับรู้สึกว่าเหนือความคาดหมายอย่างมาก และซึ้งในความไว้วางใจและความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในการเลือกตั้งเทศบาลนครนครศรีธรรมราชครั้งนี้ขณะเดียวกันทีมสมาชิกสภาเทศบาลที่รับเลือกตั้งนั้นยังสูงถึง 23 คนจาก 24 คน โดยหลังจากนี้ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายให้ กกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการแล้วจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามฉันทามติของประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช
“สิ่งที่อยากจะเร่งรัดดำเนินการ คือ เรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองที่ชำรุดทรุดโทรมจากหลายปัจจัย ให้มีความสวยงามอย่างเร่งด่วน นโยบายที่ได้ประกาศไปทั้งหมดในช่วงของการหาเสียงนั้นจะถูกนำมาปฏิบัติให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตามแผนที่เรากำหนดคือในระยะเวลา 3,6,9 เดือนหลังจากรับตำแหน่ง โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้เป็นสัญญาประชาคมกับสังคมชาวเทศบาลบนเวทีการรณรงค์หาเสียง”
ผศ.เชาวนวัศน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากจะเร่งทำให้เป็นจริงอย่างยิ่งคือเรื่องของการฟื้นประตูเมืองในเขตเมืองเก่าทั้งประตูหน้าเมือง ประตูไชยสิทธิ์ ซึ่งเป็นประตูสำคัญตั้งแต่อดีต เราจะพยายามฟื้นฟูเขตเมืองเก่าให้เป็นรูปธรรม และยังเป็นการเปิดเมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ ให้เหมือนเช่นอดีตกาลที่เมืองนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคให้กลับมาให้ได้ อีกส่วนที่ต้องเร่งคือเรื่องของระบบป้องกันแก้ไขน้ำท่วม จะมีการหารือและเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอดประสานกัน เพื่อการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบเทศบาลจะแก้ฝ่ายเดียวไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน
วันที่ 10 ก.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช และสมาชิกสภาเทศบาล ซึ่งผลปรากฏว่า ผศ.เชาวนวัศน์ เสนพงศ์ พี่ชายของ นายเทพไท เสนพงศ์ สามารถเอาชนะทีมบริหารชุดเดิมของ นายสมนึก เกตุชาติ อดีตนายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช ที่ได้หมดวาระลงและส่งต่อให้ ดร.กณพ เกตุชาติ บุตรชายลงสมัคร โดยการเลือกตั้งเสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (10 ก.ค.) ผ่านไปกว่า 10 วันแล้ว กกต.กลางยังไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งในสนามแห่งนี้อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ยังไม่มีการประชุมสภา เพื่อแถลงนโยบายการบริหารของนายกเทศมนตรีได้ ทำให้กระบวนการบริหารยังไม่เกิดขึ้นและสมบูรณ์ตามข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผศ.เชาวนวัศน์ เสนพงศ์ ว่าที่นายกเทศมนตรีนครนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า คะแนนที่ได้รับรู้สึกว่าเหนือความคาดหมายอย่างมาก และซึ้งในความไว้วางใจและความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ในการเลือกตั้งเทศบาลนครนครศรีธรรมราชครั้งนี้ขณะเดียวกันทีมสมาชิกสภาเทศบาลที่รับเลือกตั้งนั้นยังสูงถึง 23 คนจาก 24 คน โดยหลังจากนี้ต้องรอกระบวนการทางกฎหมายให้ กกต.รับรองผลอย่างเป็นทางการแล้วจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามฉันทามติของประชาชนในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช
“สิ่งที่อยากจะเร่งรัดดำเนินการ คือ เรื่องการปรับปรุงภูมิทัศน์เมืองที่ชำรุดทรุดโทรมจากหลายปัจจัย ให้มีความสวยงามอย่างเร่งด่วน นโยบายที่ได้ประกาศไปทั้งหมดในช่วงของการหาเสียงนั้นจะถูกนำมาปฏิบัติให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ตามแผนที่เรากำหนดคือในระยะเวลา 3,6,9 เดือนหลังจากรับตำแหน่ง โดยทั้งหมดจะเป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้เป็นสัญญาประชาคมกับสังคมชาวเทศบาลบนเวทีการรณรงค์หาเสียง”
ผศ.เชาวนวัศน์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่อยากจะเร่งทำให้เป็นจริงอย่างยิ่งคือเรื่องของการฟื้นประตูเมืองในเขตเมืองเก่าทั้งประตูหน้าเมือง ประตูไชยสิทธิ์ ซึ่งเป็นประตูสำคัญตั้งแต่อดีต เราจะพยายามฟื้นฟูเขตเมืองเก่าให้เป็นรูปธรรม และยังเป็นการเปิดเมืองท่องเที่ยว เมืองเศรษฐกิจ ให้เหมือนเช่นอดีตกาลที่เมืองนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคให้กลับมาให้ได้ อีกส่วนที่ต้องเร่งคือเรื่องของระบบป้องกันแก้ไขน้ำท่วม จะมีการหารือและเชิญทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอดประสานกัน เพื่อการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบเทศบาลจะแก้ฝ่ายเดียวไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น