วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

ข้าวสังข์หยดลุ่มน้ำปากพนังไปแสดงสินค้าที่สิงคโปร์

เกษตรกรนครศรีฯเฮข้าวสังข์หยดส้มโอทับทิมสยามส่อแววฉลุยที่สิงคโปร์ หลังจากนำผลผลิตผลไม้ และข้าวสังข์หยดลุ่มน้ำปากพนังไปแสดงสินค้าที่สิงคโปร์ ทำให้มียอดส่งออกเพิ่มมากขึ้น พร้อมเตรียมเปิดช่องระบาย เงาะ ทุเรียน ลองกองในพื้นที่อีกด้วย

นายวันชัย ไชยวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึงการนำผลผลิตจากพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานพระราชดำริในการดูแล และจัดระบบน้ำเพื่อการเกษตร ไปร่วมแสดงในงานแสดงสินค้าไทยที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 2-4 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่นำไปประกอบด้วย ข้าวพันธุ์พื้นเมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช เช่น ข้าวสังข์หยด ข้าวกาบดำ ช้างเชี้ยง ข้าวเล็บนก เป็นต้น ซึ่งในส่วนของข้าวสังข์หยด ได้มีผู้ที่ได้รับไลเซ่นส์ ให้นำเข้าข้าวสังข์หยดไปจำหน่ายแล้ว ทำให้เริ่มเป็นที่รู้จักของตลาด

แต่เนื่องจากราคาในประเทศก็อยู่ในระดับที่สูง การไปจำหน่ายต่างประเทศจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายอื่นๆ เข้าไปอีก จึงได้นำเสนอข้าวชนิดอื่นๆ ให้เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการและผู้บริโภค โดยเน้นการนำเสนอ เรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งสถานเอกอัครราชฑูตไทยประจำสิงคโปร์ได้มีการประสานงานกับผู้ประกอบการ มีผู้ได้รับไลเซนส์ให้นำเข้าข้าวจำนวน 3 ราย ให้ความสนใจที่จะนำส่งออกไปยังสิงคโปร์ให้มีปริมาณการส่งออกเพิ่มมากขึ้น

“นอกจากนั้น ยังมีการนำส้มโอ ทับทิมสยาม จากลุ่มน้ำปากพนัง ซึ่งเป็นส้มโอที่มีรสชาติหวานหอมเนื้อมีสีแดงสดเป็นคุณลักษณะพิเศษได้นำไปแสดง จำหน่าย ในงานดังกล่าว ได้รับความชื่นชม ชื่นชอบจากผู้บริโภคในเรื่องของรสชาติมาก เช่นเดียวกันซึ่งในอนาคตอันใกล้ส้มโอชนิดนี้จะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและเป็นผลไม้ชั้นนำอีกชนิดที่จะเป็นผลไม้ส่งออกสร้างรายได้ให้กับชาวลุ่มน้ำปากพนัง”

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สิ่งที่อยู่นอกเหนือจากโปรแกรมในการเดินทางไปในครั้งนี้ คือ การได้มีโอกาสนำเสนอผลผลิตทางการเกษตรของชาวสวนผลไม้ไปยังผู้ประกอบการของสิงคโปร์ 2 ราย นั่นคือ เรื่องของ มังคุด เงาะ ทุเรียน และ ลองกอง ซึ่งเมื่อได้มีการนำเสนอถึงการปลูกผลไม้โดยเฉพาะมังคุดที่มีลักษณะเป็นการปลูกเกือบเหมือนธรรมชาติมาก และมีการประสานงานเพื่อการรับซื้อไปจำหน่ายยังประเทศสิงคโปร์ในฤดูกาลหน้าด้วย โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้

ผู้ประกอบการจะเดินทางมาดูพื้นที่สวน กระบวนการผลิต ด้วยตนเองอีกครั้ง ซึ่งหากส่งออกไปยังสิงคโปร์วันละ 20 ตัน ก็จะทำให้ปริมาณผลผลิตได้กระจายออกนอกพื้นที่ เกษตรกรจำหน่ายได้ราคาดี คุณภาพชีวิตของเกษตรกรจะดีตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม ยังคงเน้นเรื่องของการรักษาคุณภาพมาตรฐาน อาหารปลอดภัย และการรวมกลุ่มของเกษตรกรซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กำลังเร่งควบคุมให้ได้มาตรฐาน

ข้อมูล...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น: