ข่มขืนแหม่มสกอตกลางเมืองนครศรีธรรมราชส่อโอละพ่อ ตร.สอบประจักษ์พยานหลายปากสอดคล้องเมาอย่างหนัก และยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะเกิดเหตุจริง และหากพิสูจน์ได้ว่าแจ้งความเท็จ เตรียมดำเนินคดี เนื่องจากทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสีย ส่วนข่าวที่คนร้ายโยนแฟนหนุ่มจากตึกนั้นไม่มีมูลความจริง
ภายหลังจากสื่อต่างประเทศได้เสนอข่าวแหม่มสาวชาวสกอตแลนด์ ที่ถูกคนร้าย 4 คนก่อเหตุข่มขืนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 ก.พ.56 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดในวันที่ 19 ก.พ.56พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีแหม่มสาวชาวสกอตแลนด์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกชายรุมโทรมถึง 4 คน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
โดยมี พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.หน.พนักงานสอบสวน พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.สมเกียรติ รัตนรัตน์ สว.สส. และนายตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุบนชั้น 2 ที่อยู่ใกล้กับร้านนครเวียงจันทร์ ทั้งประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อม โดยพบว่า การให้การของพยานแต่ละรายนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่ามีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้น
โดยในที่ประชุมได้มีพยานซึ่งเป็นวิศวกรของบริษัทปิโตรเลียมแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย และผู้บริหารร้านอาหารจาไมก้า ซึ่งเป็นพยานที่ได้พูดคุย และเห็นพฤติกรรมของ น.ส.แอน (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่มีอายุเพียง 20 ปี ได้ไปดื่มกินพร้อมด้วยเพื่อนชาวต่างประเทศมาให้ข้อมูลในที่ประชุม พร้อมทั้งมีภาพบันทึกด้วยกล้องถ่ายรูปมาแสดงถึงอาการเมาอย่างหนักของ น.ส.แอน หลังจากนั้น ได้ออกจากร้านไปต่อที่ร้านอื่น
ขณะที่ พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สรุปถึงความคืบหน้าของสำนวนในการสอบสวน ซึ่งได้มีการสอบปากคำพยานที่พบกับ น.ส.แอน ตั้งแต่ร้านแรก จนมาถึงร้านนครเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นร้านที่ 3 และถูก น.ส.แอนระบุว่า เป็นจุดเกิดเหตุ พยานแต่ละปากต่างให้การสอดคล้องทำนองเดียวกันคือ น.ส.แอน เมาอย่างหนัก และอาละวาดกับแขกโต๊ะอื่นในร้าน
ต่อมา พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าตรวจที่เกิดเหตุที่บนระเบียงอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น หลังห้างสรรพสินค้าโรบินสันโอเชียนนครศรีธรรมราช โดยจุดเกิดเหตุนั้นพบว่า อยู่ห่างจากร้านนครเวียงจันทร์ จำนวน 12 ห้อง และอยู่ติดกับห้องนอนของ น.ส.น้อย รักษาชล อายุ 33 ปี โดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ได้เข้าสอบถามข้อมูล ในขณะที่ น.ส.น้อย ให้ข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมทั้งออกมาแสดงท่าทางประกอบให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย
น.ส.น้อย รักษาชล อายุ 33 ปี ที่อาศัยอยู่บนชั้น 2 และอยู่ติดกับจุดเกิดเหตุยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบเห็นชาวต่างประเทศรายนี้อยู่ในสภาพเมาอย่างหนัก และร้องไห้โวยวายอยู่เพียงคนเดียวตลอดเวลา จนตนเองตื่นในเวลาประมาณ 03.45 น. หลังจากนั้น นอนไม่หลับเนื่องจากเสียงร้องไห้ และโวยวายของเขา จนกระทั่งประมาณ 05.00 น.เศษ ได้มีชายคนหนึ่งพยายามมาแนะนำให้เขาลงไปด้านล่าง เนื่องจากด้านบนนั้นไม่ใครอยู่เกรงว่าจะเกิดอันตราย แต่ฝรั่งรายนี้กลับอาละวาดใส่ชายคนดังกล่าว ชายคนนั้นจึงเดินหนีไป จนกระทั่งเช้าจึงมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ จนมาทราบภายหลังว่า มีการแจ้งความว่าถูกข่มขืน แต่ในส่วนของตนเองที่อยู่ติดกับจุดที่ฝรั่งคนนี้มานั่งเมาอยู่นั้น หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะได้ยินเสียงอย่างแน่นอน แต่ยืนยันว่าไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นนอกจากอาการเมาจนครองสติไม่ได้ของเขา
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านนครเวียงจันทร์ ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 12 ห้องบนระเบียงเดียวกันที่สามารถเดินทะลุยาวได้ตลอดทุกห้อง โดยมี นางจตุพร มงคลการุญ อายุ 42 ปี เจ้าของผู้จัดการร้านดังกล่าว เปิดเผยว่า น.ส.แอน เข้ามาที่ร้านพร้อมด้วยเพื่อนชาวต่างประเทศอีก 2 คน และขณะที่มานั้นอยู่ในสภาพเมาอย่างหนักมาแล้ว จนมามีปัญหากับเพื่อนชายชาวต่างประเทศของเขา ที่พยายามชวนเขาให้กลับที่พักแต่ น.ส.แอนไม่ยอมกลับ อาละวาดใส่เพื่อนชายทั้ง 2 จนทิ้งเขา และเดินทางกลับออกไป หลังจากนั้นปรากฏว่าเขาเริ่มอาละวาดกับคนที่นั่งใกล้กัน
“พยายามเข้าไปปลอบประโลมให้ใจเย็นๆ แต่เขาได้ตวาดกลับมาบอกว่าอย่างมายุ่งเรื่องของเขา จนเจ้าหน้าที่ รปภ.ของร้านต้องมาเชิญเขาลงไปนั่งสงบสติอารมณ์หน้าร้าน โดยก่อนออกไปนั้น เขาได้ทำกระเป๋าเงินตกไว้ พร้อมทั้งบัตรประจำตัวทางร้านได้ไปแจ้งความ และส่งกระเป๋าคืนไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนตัวเขานั้นได้เดินออกจากร้านไปโดยมี รปภ.เดินตามไปดู และกลับมาที่ร้านส่วนตัวเขานั้นได้เดินขึ้นบันไดไปอยู่บนระเบียงชั้น 2” เจ้าของร้านรายนี้กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ในทางการสอบสวนนั้นยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดเหตุการณ์ข่มขืนขึ้นจริง แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังรอผลการชันสูตรของแพทย์ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ หรือร่องรอยอื่นๆ ที่บ่งชี้ถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นมาประกอบอีกครั้ง โดยมอบให้ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ไปติดตามเร่งรัดที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช อย่างเร่งด่วน และถ้าเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่า เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้น และเป็นการแจ้งความเท็จของชาวต่างประเทศรายนี้ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีกลับไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายเป็นอย่างมาก
ส่วน พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลผู้เสียหาย เพื่อซักถามพูดคุยไว้ก่อนแล้ว โดยทราบว่าเขาไปอาศัยอยู่กับเพื่อน หากมีความผิดปกติอื่นใดเจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการไปตามขั้นตอนได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบการเดินทางมายัง จ.นครศรีธรรมราช ของ น.ส.แอน นั้นทราบว่า ได้เดินทางตามแฟนหนุ่มมาจากสหราชอาณาจักร เพื่อมาสมัครเป็นครูสอนภาษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแฟนหนุ่มของ น.ส.แอนนั้นได้ถูกรับเข้าทำงานแล้ว ส่วน น.ส.แอนพยายามที่จะหาที่ทำงานสอนภาษาในทำนองเดียวกัน ทำให้เป็นประเด็นสงสัยว่า ในช่วงระหว่างตกงาน หรือการหาช่องทางบางอย่างเป็นเหตุให้ น.ส.แอน สร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
ภายหลังจากสื่อต่างประเทศได้เสนอข่าวแหม่มสาวชาวสกอตแลนด์ ที่ถูกคนร้าย 4 คนก่อเหตุข่มขืนในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 15 ก.พ.56 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดในวันที่ 19 ก.พ.56พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เรียกประชุมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีแหม่มสาวชาวสกอตแลนด์ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ว่า ถูกชายรุมโทรมถึง 4 คน ซึ่งอยู่ในพื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช
โดยมี พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.หน.พนักงานสอบสวน พ.ต.ท.วินัย คงประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.สมเกียรติ รัตนรัตน์ สว.สส. และนายตำรวจหัวหน้าชุดสืบสวน เพื่อติดตามความคืบหน้าในการสอบสวนพยานในที่เกิดเหตุบนชั้น 2 ที่อยู่ใกล้กับร้านนครเวียงจันทร์ ทั้งประจักษ์พยาน และพยานแวดล้อม โดยพบว่า การให้การของพยานแต่ละรายนั้นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ยังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่ามีเหตุการณ์ข่มขืนเกิดขึ้น
โดยในที่ประชุมได้มีพยานซึ่งเป็นวิศวกรของบริษัทปิโตรเลียมแห่งหนึ่งในประเทศมาเลเซีย และผู้บริหารร้านอาหารจาไมก้า ซึ่งเป็นพยานที่ได้พูดคุย และเห็นพฤติกรรมของ น.ส.แอน (นามสมมติ) ผู้เสียหายที่มีอายุเพียง 20 ปี ได้ไปดื่มกินพร้อมด้วยเพื่อนชาวต่างประเทศมาให้ข้อมูลในที่ประชุม พร้อมทั้งมีภาพบันทึกด้วยกล้องถ่ายรูปมาแสดงถึงอาการเมาอย่างหนักของ น.ส.แอน หลังจากนั้น ได้ออกจากร้านไปต่อที่ร้านอื่น
ขณะที่ พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ รอง ผกก.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ได้สรุปถึงความคืบหน้าของสำนวนในการสอบสวน ซึ่งได้มีการสอบปากคำพยานที่พบกับ น.ส.แอน ตั้งแต่ร้านแรก จนมาถึงร้านนครเวียงจันทร์ ซึ่งเป็นร้านที่ 3 และถูก น.ส.แอนระบุว่า เป็นจุดเกิดเหตุ พยานแต่ละปากต่างให้การสอดคล้องทำนองเดียวกันคือ น.ส.แอน เมาอย่างหนัก และอาละวาดกับแขกโต๊ะอื่นในร้าน
ต่อมา พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้เดินทางเข้าตรวจที่เกิดเหตุที่บนระเบียงอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น หลังห้างสรรพสินค้าโรบินสันโอเชียนนครศรีธรรมราช โดยจุดเกิดเหตุนั้นพบว่า อยู่ห่างจากร้านนครเวียงจันทร์ จำนวน 12 ห้อง และอยู่ติดกับห้องนอนของ น.ส.น้อย รักษาชล อายุ 33 ปี โดย พล.ต.ต.รณพงศ์ ได้เข้าสอบถามข้อมูล ในขณะที่ น.ส.น้อย ให้ข้อมูลอย่างละเอียด พร้อมทั้งออกมาแสดงท่าทางประกอบให้เจ้าหน้าที่ดูด้วย
น.ส.น้อย รักษาชล อายุ 33 ปี ที่อาศัยอยู่บนชั้น 2 และอยู่ติดกับจุดเกิดเหตุยืนยันต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า พบเห็นชาวต่างประเทศรายนี้อยู่ในสภาพเมาอย่างหนัก และร้องไห้โวยวายอยู่เพียงคนเดียวตลอดเวลา จนตนเองตื่นในเวลาประมาณ 03.45 น. หลังจากนั้น นอนไม่หลับเนื่องจากเสียงร้องไห้ และโวยวายของเขา จนกระทั่งประมาณ 05.00 น.เศษ ได้มีชายคนหนึ่งพยายามมาแนะนำให้เขาลงไปด้านล่าง เนื่องจากด้านบนนั้นไม่ใครอยู่เกรงว่าจะเกิดอันตราย แต่ฝรั่งรายนี้กลับอาละวาดใส่ชายคนดังกล่าว ชายคนนั้นจึงเดินหนีไป จนกระทั่งเช้าจึงมีการแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ จนมาทราบภายหลังว่า มีการแจ้งความว่าถูกข่มขืน แต่ในส่วนของตนเองที่อยู่ติดกับจุดที่ฝรั่งคนนี้มานั่งเมาอยู่นั้น หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงจะได้ยินเสียงอย่างแน่นอน แต่ยืนยันว่าไม่มีความผิดปกติอย่างอื่นนอกจากอาการเมาจนครองสติไม่ได้ของเขา
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านนครเวียงจันทร์ ซึ่งอยู่ห่างไปอีก 12 ห้องบนระเบียงเดียวกันที่สามารถเดินทะลุยาวได้ตลอดทุกห้อง โดยมี นางจตุพร มงคลการุญ อายุ 42 ปี เจ้าของผู้จัดการร้านดังกล่าว เปิดเผยว่า น.ส.แอน เข้ามาที่ร้านพร้อมด้วยเพื่อนชาวต่างประเทศอีก 2 คน และขณะที่มานั้นอยู่ในสภาพเมาอย่างหนักมาแล้ว จนมามีปัญหากับเพื่อนชายชาวต่างประเทศของเขา ที่พยายามชวนเขาให้กลับที่พักแต่ น.ส.แอนไม่ยอมกลับ อาละวาดใส่เพื่อนชายทั้ง 2 จนทิ้งเขา และเดินทางกลับออกไป หลังจากนั้นปรากฏว่าเขาเริ่มอาละวาดกับคนที่นั่งใกล้กัน
“พยายามเข้าไปปลอบประโลมให้ใจเย็นๆ แต่เขาได้ตวาดกลับมาบอกว่าอย่างมายุ่งเรื่องของเขา จนเจ้าหน้าที่ รปภ.ของร้านต้องมาเชิญเขาลงไปนั่งสงบสติอารมณ์หน้าร้าน โดยก่อนออกไปนั้น เขาได้ทำกระเป๋าเงินตกไว้ พร้อมทั้งบัตรประจำตัวทางร้านได้ไปแจ้งความ และส่งกระเป๋าคืนไว้ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ช่วงเช้า ส่วนตัวเขานั้นได้เดินออกจากร้านไปโดยมี รปภ.เดินตามไปดู และกลับมาที่ร้านส่วนตัวเขานั้นได้เดินขึ้นบันไดไปอยู่บนระเบียงชั้น 2” เจ้าของร้านรายนี้กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ระบุว่า ในทางการสอบสวนนั้นยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดเหตุการณ์ข่มขืนขึ้นจริง แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังรอผลการชันสูตรของแพทย์ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศ หรือร่องรอยอื่นๆ ที่บ่งชี้ถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นมาประกอบอีกครั้ง โดยมอบให้ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ไปติดตามเร่งรัดที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช อย่างเร่งด่วน และถ้าเจ้าหน้าที่พิสูจน์ได้ว่า เหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้น และเป็นการแจ้งความเท็จของชาวต่างประเทศรายนี้ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินคดีกลับไป เนื่องจากเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยเสียหายเป็นอย่างมาก
ส่วน พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลผู้เสียหาย เพื่อซักถามพูดคุยไว้ก่อนแล้ว โดยทราบว่าเขาไปอาศัยอยู่กับเพื่อน หากมีความผิดปกติอื่นใดเจ้าหน้าที่จะสามารถดำเนินการไปตามขั้นตอนได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบการเดินทางมายัง จ.นครศรีธรรมราช ของ น.ส.แอน นั้นทราบว่า ได้เดินทางตามแฟนหนุ่มมาจากสหราชอาณาจักร เพื่อมาสมัครเป็นครูสอนภาษาอยู่ในโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง โดยแฟนหนุ่มของ น.ส.แอนนั้นได้ถูกรับเข้าทำงานแล้ว ส่วน น.ส.แอนพยายามที่จะหาที่ทำงานสอนภาษาในทำนองเดียวกัน ทำให้เป็นประเด็นสงสัยว่า ในช่วงระหว่างตกงาน หรือการหาช่องทางบางอย่างเป็นเหตุให้ น.ส.แอน สร้างเรื่องขึ้นมาหรือไม่ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด
โดย.. ASTVผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น