จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งแผนปฏิบัติการกวาดล้างตัดโค่นต้นกระท่อม หลังพบเป็นสารเสพติดขั้นต้นที่นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มวัยรุ่นดัดแปลงเป็นสูตรสี่คูณร้อย ก่อนนำไปสู่การเสพยาเสพติดที่รุนแรงมากขึ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค.55 นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการตัดโค่นต้นกระท่อม หรือที่รู้จักในชื่อสารเสพติดคือ “พืชกระท่อม” ซึ่งจนถึงวันนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำการตัดโค่นต้นกระท่อมไปแล้วคิดเป็นน้ำหนักใบ 4,299 กิโลกรัม จากจำนวนต้น 2,199 ต้น ซึ่งทั้งหมดหากถูกส่งไปจำหน่ายในภาคใต้ตอนล่าง จะมีมูลค่าราว 70 ล้านบาท ส่วนมูลค่าในท้องถิ่นประมาณ 30 ล้านบาท
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าจาก การสำรวจข้อมูลจากค่ายบำบัดเยาวชน ซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษาเกือบ 30 ศูนย์ทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช พบข้อมูลที่น่าตกใจคือ การผลิตน้ำต้มกระท่อมสูตรสี่คูณร้อย มีการใส่สารพิษเข้าไปเป็นส่วนผสมให้ออกฤทธิ์ที่รุนแรงขึ้น เมาเร็วขึ้น เช่น ยากันยุง ยาฆ่าหญ้า และส่วนผสมอื่นๆ และเมื่อเสพน้ำต้มกระท่อมแล้ว จะเป็นบันไดให้ลองเสพยาเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรงมากขึ้น โทษทางกฎหมายรุนแรง เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันกำจัดสารตั้งต้นตัวนี้ และหลังจากนี้ จุดที่มีการปลูกที่มีการรายงานมาแล้ว เช่น ที่บ้านนักการเมืองท้องถิ่น บ้านของตำรวจ จะเข้าไปจับกุมด้วยตัวเอง
สำหรับสารเสพติดประเภทพืชกระท่อม จัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดประเภท 5 ในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 2522
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 ก.ค.55 นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการตัดโค่นต้นกระท่อม หรือที่รู้จักในชื่อสารเสพติดคือ “พืชกระท่อม” ซึ่งจนถึงวันนี้ จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ทำการตัดโค่นต้นกระท่อมไปแล้วคิดเป็นน้ำหนักใบ 4,299 กิโลกรัม จากจำนวนต้น 2,199 ต้น ซึ่งทั้งหมดหากถูกส่งไปจำหน่ายในภาคใต้ตอนล่าง จะมีมูลค่าราว 70 ล้านบาท ส่วนมูลค่าในท้องถิ่นประมาณ 30 ล้านบาท
พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่าจาก การสำรวจข้อมูลจากค่ายบำบัดเยาวชน ซึ่งเป็นนักเรียน นักศึกษาเกือบ 30 ศูนย์ทั่วจังหวัดนครศรีธรรมราช พบข้อมูลที่น่าตกใจคือ การผลิตน้ำต้มกระท่อมสูตรสี่คูณร้อย มีการใส่สารพิษเข้าไปเป็นส่วนผสมให้ออกฤทธิ์ที่รุนแรงขึ้น เมาเร็วขึ้น เช่น ยากันยุง ยาฆ่าหญ้า และส่วนผสมอื่นๆ และเมื่อเสพน้ำต้มกระท่อมแล้ว จะเป็นบันไดให้ลองเสพยาเสพติดที่มีฤทธิ์รุนแรงมากขึ้น โทษทางกฎหมายรุนแรง เช่น ยาบ้า ยาไอซ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันกำจัดสารตั้งต้นตัวนี้ และหลังจากนี้ จุดที่มีการปลูกที่มีการรายงานมาแล้ว เช่น ที่บ้านนักการเมืองท้องถิ่น บ้านของตำรวจ จะเข้าไปจับกุมด้วยตัวเอง
สำหรับสารเสพติดประเภทพืชกระท่อม จัดอยู่ในกลุ่มสารเสพติดประเภท 5 ในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ 2522
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น