วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ตร.นครศรีฯ บุกจับนักค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหา 4 ราย ของกลางหลายรายการ


เจ้าหน้าที่ตำรวจนครศรีธรรมราช บุกตรวจค้นพื้นที่ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง นครศรีธรรมราช สามารถจับกุมนักค้ายาได้ 4 ราย พร้อมของกลางเป็นยาไอซ์ จำนวน 20 ถุง และอื่นๆอีกหลายรายการ

วันที่ 25 ก.พ.54 พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปวร พรพรหมมา ผกก.สส.ภ.นครศรีธรรมราช สนธิกำลังยึดทั้งตำรวจชุก นปพ., ปปส.และตำรวจน้ำ ออกปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมนักค้ายาเสพติดในชุมชนพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดในเขตอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช โดยกำลังเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการจู่โจมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในชุมชนบ้านป่ามะพร้าว ม.9 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง นครศรีธรรมราช จำนวน 4 หลัง

พบของกลางเป็นยาไอซ์จำนวน 20 ถุง, อาวุธปืนคาร์บิน 1 กระบอก พร้อมกระสุน, อาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุน, อาวุธมีดชนิดต่างๆจำนวนเกือบ 100 เล่ม, รถจักรยานยนต์ 3 คัน รถยนต์ 1 คัน และเงินสดจำนวนหนึ่งโดยเป็นเหรียญชนิดต่างๆ ประมาณ 1 กระสอบ และทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ซึ่งยังไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากต้องเร่งนำตัวไปขยายผล

พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตำรวจได้ทำการกวาดล้างยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากมีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงในกลุ่มเยาวชน และทางรัฐบาลได้สั่งการให้เร่งดำเนินการกวาดล้าง เพื่อป้องกันการระบาดของยาเสพติด และมอบนโยบายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลพื้นที่ทำการตรวจสอบตรวจค้นชุมชนเป้าหมายที่เป็นแหล่งเผยแพร่อย่างเด็ดขาด

ส่วนพฤติกรรมของผู้ที่ถูกจับกุมทั้ง 4 รายนี้ ตำรวจได้ติดตามพฤติกรรมมากว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งในทางสืบสวนนั้นทราบว่าการจัดเก็บยาเสพติดของกลุ่มนี้ คือ จะนำยาเสพติดใส่ไว้ในท่อพีวีซีแล้วใช้ดินน้ำมันอุดไว้ก่อนจะนำไปซ่อนไว้ในคูน้ำข้างบ้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจค้นเจอ ส่วนการจำหน่ายก็จะจำหน่าย หรือซื้อขายด้วยเหรียญต่างๆ ทั้งเหรียญ 10 บาท 5 บาท 1 บาท แล้วนำมาใส่กระปุกออมสินแล้วนำไปเข้าธนาคาร

ทั้งนี้ สามารถยึดเหรียญต่างๆได้ถึงเป็นกระสอบ ซึ่งทำให้ไม่มีใครสงสัย แต่เจ้าหน้าที่รู้พฤติกรรมจึงขอหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นจับกุมดังกล่าว และการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 4 ยังปากแข็งปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งๆ ที่พบของกลางยาไอซ์อยู่ในบ้าน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดำเนินคดีกับทั้ง 4 รายได้แน่นอน

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ชาวท่าศาลากว่า 3 พันคนแสดงพลังต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน นัดชุมนุมใหญ่ 24 ก.พ.นี้


พลังมวลชนในพื้นที่ท่าศาลากว่า 3,000 คน ร่วมแสดงพลังต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินตั้งขบวนยาวกว่า 2 กิโลเมตรแห่รอบเมือง พร้อมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้ง 24 ก.พ.นี้ แกนนำระบุจะคัดค้านจนถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 22 ก.พ.54 ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช มีกลุ่มพลังมวลชน ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้า นักธุรกิจ ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ประมาณกว่า 3,000 คน มารวมตัวกันเพื่อชุมนุมประท้วงต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะมีขึ้นในพื้นที่ริมฝั่งทะเลเขต จ.นครศรีธรรมราช โดยมี นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา, นายบุญโชค แก้วแกม, นายวิชาญ เชาวลิต, นายอุดม สีนวล, นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ร่วมกันเป็นแกนนำในการชุมนุมประท้วงต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน

มีการรวมตัวขบวนรถจักรยานยนต์และรถยนต์ รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง จำนวนกว่า 100 คัน ใช้ธงสีเขียวและสีส้มมีข้อความว่า “อำเภอท่าศาลาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” พร้อมกับมีการตั้งเวทีปราศรัยโจมตีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งในการชุมนุมนั้น พ.ต.ท.วุฒิพงศ์ ฐิติสโรช รอง ผกก.สส.สภ.ท่าศาลา ได้นำตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 100 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณที่ชุมนุม และยังอำนวยความสะดวกแต่ผู้เดินทางไปมาตามท้องถนนด้วย

หลังจากนั้น กลุ่มผู้ชุมนุมได้เคลื่อนขบวนไปตามถนนจากหน้าที่ว่าการอำเภอท่าศาลาไปตามถนนสายต่างๆ ทั่วทั้งอำเภอท่าศาลาเป็นแนวยาวกว่า 2 กิโลเมตร เคลื่อนตัวไปตามถนนสายนครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองถึงสี่แยกหน้าทับ เลี้ยวกลับมุ่งหน้าอำเภอสิชล เลี้ยวกลับสี่แยกหิน กลับสู่อำเภอท่าศาลา ระยะทางกว่า 50 กม.โดยมีการเขียนข้อความต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ว่า “ชาวท่าศาลาไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน” “หยุดทำร้ายประชาชน ถ่านหินออกไป” และข้อความอื่นๆ เขียนโจมตีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินติดที่ข้างรถแห่ไปรอบๆ เมือง

โดยระหว่างการเคลื่อนขบวนยังมีการเชิญชวนชาวอำเภอท่าศาลา ให้ร่วมกันต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเข้ามาทำลายวิถีชีวิตของพี่น้องประชาชนอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับรู้ไว้ว่าการเข้ามาของโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นเป็นการฆ่าประชาชนอย่างแท้จริง ขอให้หยุดทำร้ายประชาชนโดยยกเลิกโครงการดังกล่าวเสีย

และในวันที่ 24 ก.พ.นี้ ขอให้ชาวอำเภอท่าศาลาทุกคนมาชุมนุมประท้วงใหญ่หน้าที่ว่าการอำเภอศาลาอีกครั้ง โดยมีการลงชื่อประกาศสัญญาประชาคมไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน และจะขัดขวางทุกวิถีทางหากมีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อเป็นการปกป้องแผ่นดินอำเภอท่าศาลาให้ถึงที่สุด

ทางด้าน นายอภินันท์ เชาวลิต นายก อบต.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า เรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กำลังเข้ามาในพื้นที่ตนได้ศึกษาโรงไฟฟ้าประเภทนี้จากหลายแห่งแล้ว พบว่า มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ดังนั้น การมีส่วนร่วมในการรับรู้ของชุมชนในพื้นที่ต่างสร้างขึ้นมาให้มีความสามัคคีเกิดขึ้น แล้วร่วมติดอาวุธทางปัญญาเป็นความเข้มแข็งของชุมชนที่จะร่วมปฏิเสธโรงไฟฟ้าถ่านหิน เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตบอกเสมอว่าหากประชาชนไม่เอาเขาจะออกจากพื้นที่ทันที

“ดังนั้น ถึงเวลาแสดงพลังไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินโดยพร้อมเพรียงกัน ไม่ชุมนุมปิดถนน ไม่ประท้วงแต่เรายืนยันด้วยพลังประชาชนและลายลักษณ์อักษรของประชาชนคนท่าศาลา คนนครศรีธรรมราชที่จะไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินในครั้งนี้” นายอภินันท์ กล่าว

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 งัดมาตรการคุม “ป่าพรุคอนเคร็ง” ป้องกันเผาพื้นที่ปลูกปาล์ม

สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 รณรงค์ปลอดควันพิษจากไฟป่า เตรียมงัดมาตรการคุม “ป่าพรุคอนเคร็ง” ป้องกันนายทุนบุกรุกเผาป่านำพื้นที่มาปลูกปาล์ม

วันที่ 24 ก.พ.54 นายศรัณย์ ใจสะอาด ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 เปิดเผยว่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ เตรียมจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ทั้งนี้ จากกรณีที่ได้เกิดปัญหาไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัญหาภัยแล้ง และที่สำคัญส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม

และสาเหตุของการเกิดไฟป่าส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ เมื่อเกิดไฟป่าดังกล่าว ทำให้มีหมอกควันเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของมนุษย์ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน โดยหมอกควันที่ลอยอยู่มีฝุ่นละออง และควันพิษ ทำให้ประชาชนป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ เกิดการระคายเคือง เหนื่อยง่าย หมอกควันจากไฟป่ายังทำให้เกิดทัศนวิสัยที่ไม่เหมาะสมต่อการจราจรทั้งทางบกและทางอากาศ

นอกจากนี้ ไฟป่ายังมีผลต่อการเกิดสภาวะเรือนกระจกโดยสะสมเพิ่มความหนาแน่นของก๊าซ เรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ซึ่งมีผลทำให้อุณภูมิของโลกสูงขึ้นจนเกิดสภาวะโลกร้อนตามมา จะเห็นได้ว่าปัญหาไฟป่าส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2553 เห็นชอบและอนุมัติให้วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี “เป็นวันรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า”

ดังนั้น เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา หน่วยงานราชการ และองค์กรเอกชน ได้ตระหนักและเห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากไฟป่า ซึ่งก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจก และสภาวะโลกร้อนตามมา เข้ามามีส่วนร่วมในการลดการจุดไฟเผาป่า ช่วยกันคุ้มครองอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้เอื้อประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตในโลก สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 จึงได้กำหนด จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ปลอดควันพิษจากไฟป่า ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2554

นายศรัญ ใจสอาด ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย อาทิ ฝ่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองกำลังทหาร อาสาสมัคร ตลอดจน เจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมวางมาตรการรับมือปัญหาไฟป่าที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงหน้าแล้ง โดยเฉพาะที่บริเวณป่าพรุควนเคร็งที่ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อ.ชะอวด อ.หัวไทร อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เชียรใหญ่ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่มีพื้นที่กว่า 350,000 ไร่

ทั้งนี้ จากความร่วมมือจากทุกหน่วยดังกล่าว ได้มีการวาง 3 มาตรการหลักๆ ดังนี้ คือ 1.มาตรการเร่งด่วน คือ ได้มีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่จำนวน 7 ชุด ในแต่ละชุดมีจำนวน 10 คน ได้ผลัดเปลี่ยนออกปฏิบัติการเกี่ยวกับการลาดตระเวน สกัดการเดินทางเข้า-ออกของประชาชนและนายทุนในกลุ่มที่อาจจะนำไปสู่การเกิดไฟป่า 2.มาตรการระยะกลาง คือ ไว้มีการขุดคันดิน ตลอดจนการขุดบ่อน้ำในจุดที่มักจะเกิดไฟไหม้ป่าที่บริเวณป่าครุควนเคร็ง ทั้งนี้เพื่อให้มีจำนวนแหล่งน้ำที่เพียงพอต่อการควบคุมไฟป่าไม่ให้เกิดลุกลามในวงกว้าง

และ 3.มาตรการระยะยาว ล่าสุด ได้มีการร่างข้อกำหนด EIA เพื่อของบประมาณจากโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เกี่ยวกับการจัดวางระบบน้ำ โดยจะเน้นการจัดระบบน้ำในป่า โดยเฉพาะปริมาณน้ำใต้ดินให้มีความคงที่ โดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง ซึ่งมาตรการดังกล่าวเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาไฟไหม้ป่าได้เต็มรูปแบบ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กล่าว

นายศรัญ กล่าวต่อและว่า จากความพร้อมของเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทำให้หายห่วงได้มากกับปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในปีนี้ แม้ว่าปีที่แล้วจะเกิดไฟไหม้ป่าบริเวณดังกล่าวจำนวน 330 ครั้ง มีความเสียหายกินพื้นที่ไปกว่า 19,000 ไร่ ซึ่งจากมาตรการที่เข้มงวดตลอดจนการออกลาดตระเวนการบุกรุกพื้นที่ป่านสงวน และการสกัดการเข้า-ออกของกลุ่มนายทุนที่มักลักลอบเผาป่าเพื่อเอาพื้นที่ปลูกปาล์มนั้น เชื่อว่าจะสามารถสกัดการเกิดไฟไหม้ป่าบริเวณดังกล่าวได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

แม้ทางเจ้าหน้าที่จะพยายามในการสกัดการเกิดปัญหาไฟไหม้ป่าอย่างเต็มที่แล้วนั้น ก็เชื่อว่าปัญหาไฟไหม้ป่าบริเวณป่าพรุควนเคร็งในปี 54 นั้นคงจะเกิดขึ้นบ้างเล็กน้อย จากการสะสมของใบไม้ที่ถับถมกันเป็นระยะเวลานาน ประกอบการอากาศที่แห้งแล้งอาจจะทำให้เกิดประกายไฟขึ้นได้ ส่วนนี้เองก็มีความเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม แม้จะมีปัญหาในส่วนดังกล่าวอยู่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องไม่เกิดไฟป่าเกิน 100 ครั้ง และเสียหายไม่ถึง 1,000 ไร่ จากจำนวนการเกิดเพลิงไหม้ที่ได้ตั้งเป้านั้นจะต้องมีสถิติไม่ถึงจึงจะถือว่าประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 กล่าวในที่สุด

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ด.ต.เครียดกลับบ้านยิงตัวตายต่อหน้าเมียสยอง

นายดาบตำตรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เกิดอาการเครียดคิดสั้นใช้อาวุธปืนยิงตัวตายต่อหน้าภรรยา

วันที่ 24 ก.พ.54 เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.สมศักดิ์ แก้วแสน พนักงานสอบสวนเวร สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุตำรวจยิงตัวตาย เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 95/ 42 ถนนยุทธศาสตร์ ซอย 9 เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง หลังจากนั้น จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่วิทยาการ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิประชาร่วมใจเข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

ในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นบ้านชั้นเดียวภายในห้องนอนพบศพ ด.ต.ประสาน เส้งวั่น อายุ 39 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่งาน ป.สภ.ทุ่งใหญ่ ทำหน้าที่หัวหน้าตู้ยามสายตรวจกรุงหยัน เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ สภาพศพนอนจมกองเลือดบนที่นอนในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียว ไม่สวมเสื้อ มีบาดแผลถูกจ่อยิงเข้าบริเวณศีรษะขมับขวาทะลุซ้าย ในที่เกิดเหตุยังพบอาวุธปืนขนาด .45 ตกอยู่ 1 กระบอกและปลอกกระสุนขนาดเดียวกันอีก 1 ปลอก ภายในบ้านยังพบ นางดารุณี เส้งวั่น อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้ตาย รับราชการในสำนักงานอัยการอำเภอทุ่งสง เป็นลมนอนหมดสติเจ้าหน้าที่จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลทุ่งสงอย่างเร่งด่วน

พ.ต.อ.สมพงค์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของผู้ตาย เปิดเผยว่า ด.ต.ประสาน เป็นข้าราชการตำรวจประจำ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช โดยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าป้อมตำรวจกรุงหยัน เป็นตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจจนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชามาโดยตลอด

“ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกเวรยามในการปฏิบัติหน้าที่ กลับมาพักผ่อนที่บ้าน และก่อนที่จะเข้าไปยิงตัวเองในห้องนอน ทราบว่า ได้มีปัญหาบางอย่างภายในครอบครัวกับภรรยา ส่วนลูกๆ ได้ไปโรงเรียนทราบว่าภรรยาได้วิ่งออกมานอกบ้านแล้วบอกกับเพื่อนบ้าน ว่า สามียิงตัวตายจึงเข้ามามาดูพบว่า ด.ต.ประสาน เสียชีวิตไปแล้ว จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ อย่างไรก็ตามจะได้ให้การช่วยเหลือไปตามระเบียบราชการ ส่วนการสอบสวนนั้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนเจ้าของท้องที่ดำเนินการไปตามขั้นตอนต่อไปแล้ว” ผู้บังคับบัญชาผู้ตาย กล่าว

ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์