หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ น้ำป่าและดินโคลนถล่มในพื้นตำบลกรุงชิ่ง อำเภอนบพิตำ นครศรีธรรมราช ทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก แม้ว่าสถานการณ์เลวร้ายจะเริ่มคลี่คลายและเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ยังมีบางพื้นที่ที่ยังถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเช่น หมู่ที่ 3,6,7,และหมุ่ 8 ตำบลกรุงชิง ยังไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือและดูแลอย่างเต็มที่ เนื่องจากเส้นทางทั้งถนน และสะพาน ถูกตัดขาด มีเพียงเฮลิคอปเตอร์เท่านั้นที่คอยลำเลียงส่งเสบียงถุงยังชีพ และเครื่องปั่นไฟเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น ส่วนการอพยพประชาชนในพื้นที่เสียงมีน้อย เพราะประชาชนไม่ยอมอพยพออกมา
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้าน หมู่ที่ 3, 6, 7 และ 8 ตำบลกรุงชิง ชาวบ้านอยู่อย่างโดดเดี่ยวนานกว่า 1 สัปดาห์แล้ว ต้องใช้วิธีเดินเท้าออกมามาขอเสบียงถุงยังชีพที่ศูนย์อพยพ แต่ก็เกิดเหตุการณ์น่าสลดใจขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่ยอมให้ถุงยังชีพโดยอ้างว่าได้มอบผ่านผู้นำท้องถิ่นแล้ว ถ้าจะเอาต้องไปเอาที่ผู้นำท้องถิ่น ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน ซึ่งชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆต่างยืนยันว่ายังไม่ได้รับถุงยังชีพจากผู้นำเลย จำเป็นต้องเดินเท้ามาขอที่ศูนย์อพยพแต่เจ้าหน้าที่ไม่ยอม สุดท้ายแล้วชาวบ้านต้องเดินทางกลับบ้านมือเปล่า ส่วนชาวบ้านที่ไม่พอใจและไม่อยากมีปัญหาต่างเดินทางเข้ามาซื้อเสบียงในตลาดเพื่อนำกลับบ้าน
ส่วนความคืบหน้าการซ่อมแซมสะพานกลาย ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะเดินทางเข้าไปในพื้นที่ หลังจากที่เจ้าหน้าที่เร่งมือซ่อมแซมจนขณะนี้รถยนต์สามารถแล่นผ่านได้แล้ว ทำให้การลำเลียงส่งเสบียงถุงยังชีพให้ประชาชนในพื้นทำได้อย่างรวดเร็วขึ้น เนื่องจากสามารถเดินทางเข้าไปในพื้นที่กรุงชิงกว่า 28 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณน้ำเริ่มลดลงทำให้รถยนต์สามารถแล่นผ่านกระแสน้ำไปได้
ข้อมูลจาก..ครอบครัวข่าว3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น