วันที่ 30 ก.ค.53 พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อเป็นประธานในการเปิดที่ทำการศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย ฝั่งอ่าวไทย (นครศรีธรรมราช) ที่อาคารพาณิชย์หน้าโรงแรมทวินโลตัส ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยมี นายพิเชษฐ สถิรชวาล พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง ที่ปรึกษาประธานภาคใต้ พรรคเพื่อไทย นายวิโรจน์ วรินทรเวช ประธานศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย นครศรีธรรมราชและบรรดาแกนนำในพื้นที่ภาคใต้ราว 200 คน รวมทั้ง นายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำกลุ่มแดงสยาม ให้การต้อนรับ
ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.อ.ชวลิต ได้เดินสายสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ และศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ก่อนที่จะเข้าร่วมพิธีเปิดที่ทำการได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ว่า พื้นที่นี้ไม่คิดว่าเป็นของใคร แต่เป็นของประชาชนโดยรวม และเป็นพรรคการเมืองที่ต้องทำงานให้ประชาชน ในนครศรีธรรมราชจึงเปิดศูนย์แห่งนี้เป็นศูนย์รวมอำนวยการ และกรณีประชาชนมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ ทราบว่า วันนี้มีจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือ มาเปิดไม่ได้มาแก่งแย่งมาประกวดประชันไม่ได้คิดอย่างนั้น
“เรากำหนดไม่ได้ เราเป็นพรรคเพื่อมหาชนประชาชนต้องกำหนดให้เราน่าที่จะให้ลูกหลานเข้ามาอยู่ในพรรค มาทำงานให้กับประชาชนอย่างไรบ้าง ขั้นตอนนี้คือ การเปิดศูนย์ให้การศึกษาถึงเจตนารมณ์และจิตใจ และเรามีความประสงค์อย่างไรขั้นตอนนี้คือการเตรียมการจัดตั้งดำเนินงานต่อไปยังไม่ถึงขั้นตอนการรณรงค์ในการเลือกตั้งเลย โดยเฉพาะการประกาศอะไรไปประชาชนต้องบอกเรา เพื่อประชาชนคือสิ่งสำคัญ” อดีตนายกฯ ที่กลับมารับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อีกครั้ง กล่าว
ต่อข้อถามในเรื่องเขาพระวิหาร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องน่าเสียใจที่สัมพันธภาพกับประเทศเพื่อนบ้านไม่ได้สร้างง่ายๆ สร้างกันมาตั้ง 20-30 ปี ตั้งแต่หลังสงครามเย็น ถ้ามีปัญหาควรหาวิธีแก้ไขโดยสันติวิธี อย่าใช้ความรุนแรง อย่าไปพูดว่าผิดหรือถูก เรื่องนี้จะกระทบต่อประโยชน์ชาติ เมื่อคิดจะทำอย่างไรควรใช้สันติวิธี การนั่งพูดจากันให้มากที่สุด แต่ในการเจรจาธรรมดาผลประโยชน์ของแผ่นดินต้องกร้าว ไม่มีใครมานั่งไหว้กันเป็นเรื่องธรรมดา
ต่อมา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ปราศรัยกับประชาชนประมาณ 200 คน ที่มาร่วมเปิดที่ทำการประสานงานพรรคช่วงหนึ่ง ว่า สถานการณ์ปัจจุบันนั้นเป็นความเสียใจของประชาชน มีการปฏิบัติเป็นสองมาตรฐาน ความยากจนของประชาชนยังมีอยู่มาก ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งๆ ที่ 78 ปีที่ผ่านมา พ่อแม่พี่น้องของเราทั้งประชาชน พลเรือน ตำรวจ ทหาร ที่เรียกว่า คณะราษฎรไปยึดอำนาจจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วกราบบังคมทูลฯเอาอำนาจมาให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ชี้เป็นชี้ตายก็ได้ นี่คือ อำนาจ แต่อธิปไตย เราต้องการเอาให้ประชาชน ถ้าเป็นอย่างนั้นคนยากคนจน การปฏิบัติสองมาตรฐาน ความไม่เป็นธรรม ไม่เกิดขึ้น ถ้าอำนาจเป็นของประชาชนเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ตอนนี้อำนาจเป็นของคนอื่นและเป็นปัญหาของชาติที่ไม่ได้ รับการแก้ไข
“เมืองไทยถอยหลัง ตอนนี้แข่งกับใคร แข่งกับเขมร เมื่อ 20 ปีก่อน ผมทำงานในเขมรเดินทุกตารางนิ้ว ผมรู้จักหมดฮุนเซน ซกอาน รู้จักหมด สมัยนั้นผมบอกว่า ฮุนเซน มานั่งด้วยกัน อธิบายถึงหลักควรปกครองประเทศต้องทำอย่างไร รักกันอย่างไร วันนี้เขาลุกขึ้นมาชี้หน้าด่ามีปัญหากับประเทศไทย อย่าไปทำเล่นๆ จีนให้การสนับสนุนเต็มที่ อเมริกันหนุนเต็มที่ อเมริกันดูแล จีนดูแล แย่งทรัพยากรในกัมพูชา ไทยแลนด์เป็นคนสร้างเขามา อเมริกันถอยไปอยู่ในประเทศ ตอนนั้นจีนไม่เข้ามา ไทยแลนด์สร้างเขามา วันนี้เขาลุกมาชี้หน้า พม่าเราว่าเขาไม่เป็นประชาธิปไตย วันนี้ผู้นำสูงสุดของพม่า นายพลตานฉ่วย ผู้มีอำนาจสูงสุด บอกว่า นายกฯไทยจะไปเหรอฉันยังไม่ว่าง วันนี้เหลือประเทศใกล้ชิด คือ ลาวประเทศเดียว ไทยแลนด์ที่ยิ่งใหญ่ทำไมถึงเป็นอย่างนี้”
พล.อ.ชวลิต อ้างว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะผู้นำไม่ดี คนไม่ดี บอกว่า ต้องหาผู้นำหล่อๆ จบต่างประเทศ มีปริญญาอย่างนั้นอย่างนี้แล้วเป็นอย่างไร ในอดีตหม่อมเสนีย์ (ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช) ไม่ดีหรือ หลวงธำรงฯ (พล.ร.ต.หลวงธำรงค์ นาวาสวัสดิ์) ไม่ดีหรือ พระยาพหลฯ (พระยาพหลพลหยุหเสนา) ไม่ดีหรือ แต่ละคนมีใครบ้างที่ไม่ดี ที่เป็นผู้นำเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วทำไมถึงบอกว่าคนไม่ดี ต้องหาคนดีๆ ไม่ใช่คนเป็นผู้นำ ต้องเอาระบบให้มันดีก่อนระบบคือ การปกครองอย่าไปทำอย่างทุกวันนี้ ใครได้คือคนที่เป็นเจ้าของโรงงาน คนมีเงินมีทองเท่านั้น
ขอบคุณ...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น