เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2553 ได้มีชาวบ้านในท้องที่หมู่ 5 ต.ดอนตรอ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่ามีเสือโครงขนาดใหญ่ออกอาละวาดไล่ตะปบหมูเถื่อนที่ชาวบ้านเลี้ยงเอาไว้ในสวนปาล์ม ท้องที่หมู่ 5 ต.ดอนตรอ จนหมูป่าแตกกระเจิงทั้งฝูง ผู้สื่อข่าวจึงตรวจสอบเรื่องนี้กับนายสมโภชน์ หยูทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ดอนตรอ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช ทราบว่าในพื้นที่ดังกล่าว ชาวบ้านยึดอาชีพทำการเกษตร และยังเลี่ยงหมูป่าไว้ 1 ฝูงมีจำนวนประมาณ 50-60 ตัว โดยเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติ จนเมื่อช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาฝูงหมูป่าได้แตกกระจ่างวิ่งหนีกระจัดกระจาย เหมืนกับหนีภัยจากสัตว์ร้าย จึงร่วมกับชาวบ้านเข้าตรวจสอบบาดแผล ที่มีลักษณะเหมือนโดนคมเล็บขีดข่วนที่สีข้างเป็นแผลกว้าง จากนั้นจึงได้สำรวจพื้นที่ พบรอยเท้าสัตว์ขนาดใหญ่ หลายรอย และวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นเสือโคร่งที่มีขนาดใหญ่น้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม และไม่มั่นใจว่าหมูป่าตกเป็นเหยื่อไปแกล้วกี่ตัว ตนและชาวบ้านจึงช่วยกันตรวจสอบพบว่ามีหมูอยู่ตัวหนึ่งมีบาดแผลเหมือนโดนเล็บคม ๆ ขีดข่วนบริเวณสีข้างเป็นแผลฉกรรจ์บริเวณกว้าง และจากการตามหาไม่พบตัวเสือโคร่งแต่อย่างใด ประกอบกับฝนตกหนักตามหาเสือโคร่งตัวดังกล่าวแต่ไม่พบตัว ประกอบกับเกิดฝนตกหนักทำให้ร่องรอยเลือนหายไป เชื่อว่าเสือโคร่งตัวดังกล่าวน่าจะหลบหนีไฟป่ามาจากพรุควนเคร็ง และหิวโหยอย่างหนัก และขณะนี้อาจหลบหนีออกไปนอกพื้นที่แล้ว เพราะไม่มีใครพบเห็น แต่ก็ได้มีการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องต่อไป เพราะชาวบ้านต้องออกจากบ้านไปประกอบอาชีพ ทางด้านนายธวัชชัย แท้เที่ยง นายอำเภอเฉลิมพระเกียรติ เปิดเผยว่า ได้ประสานกับ นายสมโภชน์ หยูทอง ให้ตรวจสอบให้ชัดเจนและ ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลงมาตรวจสอบดำเนินการต่อไป เนื่องจากเสือโคร่งเป็นสัตว์หายากและเป็นสัตว์ที่ขึ้นบัญชีคุ้มครองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 5 ต.ดอนตรอ และพื้นที่ใกล้เคียงที่ทราบข่าวต่างหวาดผวาและพากันวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้าง
ข้อมูลจาก :: จิรา วงศ์สวัสดิ์ สวท. นครศรีธรรมราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น