การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยกล่าวว่าไทยมีความจำเป็นในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนรองรับพลังงานธรรมชาติที่กำลังจะหมดไป โดยมองพื้นที่ อ.ท่าศาลา-อ.หัวไทร นายอุทัย ภูริพงศธร พลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สถานการณ์พลังงานของประเทศ ทุกภาคส่วนจะต้องมีส่วนร่วมได้รับทราบข้อเท็จจริงและกำหนดทิศทางพลังงานของประเทศร่วมกัน การจัดงานในครั้งนี้มีเป้าหมาย เพื่อให้สื่อมวลชนถือเป็นคนกลาง นำความรู้เรื่องความเสี่ยงด้านพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นปัจจัยหลัก มีความสำคัญในชีวิตประจำวันของเราทุกคน นำไปถ่ายทอดข้อเท็จจริงด้านพลังงานของประเทศให้ประชาชนได้รับทราบและเข้ามามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการ ร่วมกับกระทรวงพลังงานมีภารกิจจัดหาพลังงานเพื่อความมั่นคงของประเทศ นายสุมิต วงศ์แสงจันทร์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ ก่อสร้างพลังความร้อน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้ามากขึ้นประมาณ 1,872 เมกะวัตต์ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว เปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าของเขื่อนรัชชประภาหรือเขื่อนเชี่ยวหลาน จำนวน 8 โรง หากยังไม่มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น จะไม่มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ จะส่งผลทำให้เกิดไฟฟ้าดับในบางพื้นที่หรือในวงกว้าง ดังนั้นจึงต้องมีการวางแผนสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามแผนพลังงานของประเทศไทย โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.มีแผนสร้างโรงไฟฟ้าพลังถ่านหินในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล เพื่อให้สะดวกในการขนย้ายถ่านหินที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเป้าหมายก่อสร้างในพื้นที่ อ.ท่าศาลา และ อ.หัวไทร เนื่องจากเป็นพื้นที่ชายทะเล มีความสะดวกในการขนส่งถ่านหินทางเรือมาขึ้นฝั่งเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะนี้ได้จัดส่งทีมงานวิศวกรลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ให้ความมั่นใจว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะมีประโยชน์ในการพัฒนาพื้นที่ที่อยู่บริเวณโดยรอบพื้นที่ตั้งโรงไฟฟ้า และไม่มีผลกระทบเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อมต่อประชาชน เพราะมีระบบควบคุมที่ได้มาตรฐานทันสมัยหลายขั้นตอน สถานการณ์ด้านพลังงาน มีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม ประเทศไทยใช้แก๊สธรรมชาติ ประมาณ 70 % นำมาผลิตกระแสไฟฟ้า สูงสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก แต่โรงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะนิยมใช้ถ่านหินเพราะมีราคาถูกกว่าแก๊ส ที่สามารถนำไปผลิตภัณฑ์อื่นได้หลายอย่าง และมีปริมาณน้อยกว่าถ่านหิน จากการประมาณการพลังงานที่มีอยู่ทั่วโลก ถ่านหิน จะใช้อีก 200 ปี น้ำมัน 40 ปี และ ก๊าซธรรมชาติ 60 ปี สำหรับถ่านหินในประเทศไทย จะใช้อีกประมาณ 50 ปี ก๊าซธรรมชาติ 60 ปี และน้ำมัน ประมาณ 40 ปี
ข้อมูลจาก :: จิรา วงศ์สวัสดิ์ สวท. นครศรีธรรมราช
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น